ถึงแม้ช่วงปลายปี 2023 จนถึงเปิดปี 2024 สำหรับผู้เขียนดูจะวุ่นวายและมีหลายเหตุการณ์ที่หนักหนาไปบ้าง แต่การได้มีชื่อเข้าร่วมเล่นกีตาร์ในงาน Paper Planes Flashmob ที่จัดมาเพื่อฉลองความสำเร็จของเพลง ทรงอย่างแบด ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา โดยการที่วง Paper Planes เปิดโอกาสให้คนที่สนใจเล่นดนตรีไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ เบส กลอง ได้เข้าร่วมเพื่อลุ้นสิทธิ์ในกิจกรรมนี้ ก็ทำให้หัวใจผู้เขียนพองโตขึ้นมา
ในฐานะคนชอบเล่นดนตรีแต่อับโชคกับการตั้งวงดนตรี เลยได้แค่เล่นและทำเพลงเป็นงานอดิเรก กับฐานะที่เป็นแฟนคลับวงนี้ในยุคแรก ๆ ของวงก็ทำให้ผู้เขียนตื่นเต้นกับงานนี้เป็นอย่างมาก
อย่างที่ทุกคนทราบ Flashmob คือการรวมคนเพื่อทำกิจกรรมในเวลาอันสั้น แต่งานนี้มันคือ การรวมคนที่เล่นดนตรีทั้งกีตาร์ เบส กลอง มารวมตัวกันเล่นเพลงทรงอย่างแบดกลางลานพาร์คพารากอนนั้น น่าจะเป็นงานแรกๆ ที่ทำกันในสเกล 80-100 คน ก็ทำให้ผู้เขียนนั้นตื่นเต้นและตื่นตระหนก เพราะไม่ได้เล่นดนตรีมานานเป็นเวลา 8 ปี แถมมันคือลานพาร์คพารากอน ซึ่งมันดันเป็นงานที่ใหญ่กว่าสมัยที่ตัวเองเล่นในงานโรงเรียนเสียอีก เลยทำให้ช่วงก่อนวันงานก็พยายามซ้อมเล่นเพลงนี้ ควบคู่การดูแลคุณย่าที่กลับมาดูแลจากการรักษาโรคไตวายเรื้อรัง ที่ทำให้ต้องกลับมาดูแลกระทันหันในปลายปี
นอกจากนี้ก็ได้เตรียมอุปกรณ์ในการเล่นทั้ง Multi Effect ที่มีอายุนับ 10 กว่าปี ที่ผู้เขียนยังตกใจว่ามันยังกลับมาใช้งานได้เสียอย่างนั้นหรือจะเป็นการเอากีตาร์ไฟฟ้าไปเซ็ตกับร้านที่อยู่ควบคู่กับอำเภอมาอย่างยาวนาน
อีกทั้งการกลับมาย้อมผมเป็นสีเขียวเพื่อสร้างคาแรกเตอร์ให้ตัวเองเพื่ออย่างน้อยการเข้าร่วมครั้งนี้ถือว่าสร้างตำนานก็ละกัน 55555555
จนถึงวันที่ 6 มกราคมที่เป็นวันจัดงาน ผู้เขียนไปถึงงานประมาณบ่ายสอง พอลงทะเบียนเสร็จก็จะได้ Artist Tag โดยนำมาขอลายเซนต์กับศิลปินตอนจบงานได้ โดยลำดับผู้เขียนอยู่ที่ลำดับ 28 ที่เรียกว่าแทบจะติดเวทีเลย ซึ่งทีมงานก็ให้ไป Setup อุปกรณ์รอบนึงก่อนจะให้กลับเข้าไปหลังเวที
ซึ่งในงานนี้ผู้เขียนได้เจอผู้คนที่ชอบเล่นดนตรีที่เข้ามากิจกรรมนี้ที่หลากหลายมาก ทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ยันคุณพ่อกันเลย โดยถ้าอิงจากข้อมูลข่าวก็คือมีตั้งแต่เด็ก 7 ขวบไปจนถึงคุณพ่อวัย 49 ปีที่มาร่วมงานนี้ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัย 18-23 ปีซะส่วนใหญ่ แต่ผู้เขียนที่วัย 27 ปีก็ยังเนียน ๆ ไปกับเค้าได้อยู่บ้าง (นิดนึง)
งานนี้นอกจากจะตื่นเต้นกับหลากหลายผู้คนและวัยที่มาร่วมกิจกรรมแล้ว ยังตื่นเต้นกับอุปกรณ์ดนตรีที่มาในงานนี้ เป็นงานที่ผู้เขียนสนุกในแง่ของการแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ ที่ใช้กันชนิดที่ว่าหลังจากนี้อาจจะมีกีตาร์เพิ่มหลังจบงานกันเลย
จนเวลาสักประมาณ 15.45 น. ที่เราทำการเช็คอุปกรณ์และ Setup รอบสุดท้าย ก่อนที่ทีมงานจะเรียกศิลปินทุกคนมาบรีฟกัน เนื่องจากงานนี้จะใช้เพลงทรงอย่างแบดจะปิดโช ว์ทำให้ต้องมีการบรีฟกันว่านักดนตรีต้องออกไปตอนไหน และขึ้นเพลงตอนไหน ก่อนโชว์จะเริ่มประมาณ 16.30 น. โดยประมาณ ซึ่งวงก็ขนเพลงดังๆ ฮิตๆ อย่างใครใครก็ไม่รักผม, ซ้ำซ้ำ, กลับมาเพื่อบอกลา, เสแสร้ง
ก่อนวงจะพูดเกริ่นว่าวันนี้มีนักดนตรีมาเล่นเพลงทรงอย่างแบดด้วยกัน ก็ถึงเวลาอันสมควรที่ผู้เขียนได้ออกไปเล่นเสียที พอเห็นคนเข้ามาดูกันเยอะๆ รู้สึกตื่นเต้นมาก และตื่นเต้นกว่าเดิมเพราะแอมป์ที่ยืมเพื่อนมา เสียงมันดันดังไม่พอแอมป์ที่คนอื่นเอามาแม้กระทั้งแอมป์ของงาน ทำให้ตื่นเต้นกว่าเดิม เพราะเสียงโดนกลบจนไม่ได้ยินเสียงกีตาร์ตัวเอง แต่ถึงยังการที่ซ้อมมาเยอะประมาณหนึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนประหม่า แต่กลับเล่นได้สนุกกว่าเดิม เพราะมางานนี้เพื่อเล่นให้สนุกล้วนๆ
ซึ่งก่อนจะขึ้นเพลงพี่ฮาย (ธันวา เกตุสุวรรณ) ก็บิ้วด์คนดูและให้นักดนตรีลองเล่นคอร์ดคลอ ๆ กับวงเพื่อละลายพฤติกรรมก่อนที่จะเข้าเพลง พอเข้าท่อนฮุคก็คือเล่นสนุกมาก แม้ไม่ได้ยินเสียงแอมป์ตัวเองแบบชัดเจน แต่พอซ้อมมาเยอะมันก็ไปด้วยสัญชาตญาณตัวเองจนจบรอบแรกอย่างสนุกมาก แต่ก็เซอร์ไพรส์อีกรอบโดยการพี่ฮายขอให้เล่นอีกรอบ โดยมีแฟนคลับมาแจมด้วย ก็เรียกว่ารอบ 2 สนุกกว่าเดิมไปอีก
หลังจบงานผู้เขียนรู้สึกโล่งใจและสนุกกับงานนี้เป็นอย่างมาก เพราะมันคือการได้เจอผู้คนที่มีใจรักดนตรีเหมือนกัน ได้เจอศิลปินที่ชอบ และการได้เล่นดนตรีด้วยกันก็ทำให้ชีวิตการเป็นแฟนคลับหรือการเป็นติ่งก็ดูเกินคาดไปมากๆ กับการได้ร่วมกิจกรรมนี้ ยิ่งพอได้เห็นตัวเองในรูปหรือคลิปของค่ายและตามสื่อออนไลน์ ก็รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองกล้าที่จะทำตั้งแต่ส่งคลิปไปร่วมกิจกรรม ถึงแม้ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เข้าร่วมหรือไม่ การกลับมาทำสีผมที่เรียกว่าได้แอร์ไทม์ในงานนี้ที่ก็เยอะประมาณหนึ่ง (มุมโดรนยังเห็นตัวผู้เขียนอยู่เลย) และอยากขอบคุณทุกคนที่ทำให้มีกิจกรรมนี้ขึ้นมา มันเป็นกิจกรรมที่ดีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่รักดนตรีและตัววง
หวังว่าหลังจากนี้จะมีกิจกรรมลักษณะนี้มากขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลและแรงกระตุ้นในคนที่อยากทำอะไรในสิ่งที่ชอบ
สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็อยากบอกกับคนที่อ่านว่า ไม่ว่าคุณจะชอบสิ่งไหน ก็อยากให้ลงมือทำและเตรียมพร้อมกับมันไว้เสมอ อย่าลังเลที่จะคว้าโอกาสแม้จะตบตีกับตัวเองในหัวว่าควรจะทำหรือไม่ แต่ถ้าตัดสินใจทำมันลงไปแล้ว สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่ได้ตัดสอนใจและลงมือทำแม้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม และมันไม่มีทางที่จะสายเกินไป
แม้ผู้เขียนในวัย 27 ปีแล้วยังมีโอกาสได้กลับมาเล่นดนตรีโดยไม่คาดคิดได้ ก็อยากให้คนที่ได้ทำอะไรในสิ่งที่ชอบนั้นลงมือทำต่อไปแม้ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม
หวังว่าเรื่องราวนี้จะทำให้ใครสักคนมีแรงบันดาลใจได้ทำสิ่งที่ชอบและขอให้ทุกคนได้งานที่ชอบที่ใช่ มีเวลาได้ใช้ชีวิตในสิ่งที่ต้องการและขอให้ปี 2024 เป็นปีที่สนุกกับทุกคนนะ